ทำไมผลิตภัณฑ์สำหรับข้อต่อส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้ผล?

ในแต่ละวันข้อต่อต้องรับภาระหนักในการแบกรับน้ำหนักน้ำหนักของร่างกาย และยังมีการบาดเจ็บ กรรมพันธุ์ น้ำหนักเกิน การออกกำลังกายอย่างหนัก เป็นปัจจัยเสริมที่ทำให้ข้อต่อเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ตั้งแต่อายุ 30 เนื่องจากกระดูกอ่อนในข้อต่อบางลงและเสียหายไป ปลายจึงกระดูกเริ่มเสียดสีกันกันโดยไม่มีกระดูกอ่อนมาป้องกัน ทำให้เกิดอาการเจ็บระหว่างการเคลื่อนไหว นี่คือแรงจูงใจให้ผู้คนเริ่มมองหาตัวช่วยต่างๆ ที่สุดท้ายก็ทำให้เราผิดหวัง และต้องมองหาตัวช่วยอื่นๆ ไปเรื่อย แต่คุณสามารถหยุดวงจรที่น่าผิดหวังนี้ได้ เพียงแค่คุณเลือกตัวช่วยที่เหมาะสมสำหรับคุณ
อะไรคือข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ภายนอก?
ยาหม่องเป็นสิ่งที่นิยมอย่างมากในประเทศไทย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกลิ่นที่ทำให้รู้สึกสดชื่น ผ่อนคลาย และยังมีสรรพคุณที่ไม่อาจปฏิเสธได้
- คลายกล้ามเนื้อ และช่วยให้ผ่อนคลาย
- ลดอาการบวม
- แก้ตะคริว
- ฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังการบาดเจ็บ
- บรรเทาอาการฟกซ้ำ
หากพูดถึงขี้ผึ้งและครีมต่างๆ สำหรับข้อต่อ ทางผู้ผลิตมักจะอ้างสรรพคุณที่เหมือนๆ กัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว สรรพคุณเหล่านั้นไม่สำคัญเลย เพราะอะไร? เพราะว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นแค่อาการข้างเคียง ยาหม่อง หรือครีมเหล่านั้นช่วยระงับอาการปวดบวมเพียงชั่วคราวเท่านั้น
ผลิตภัณฑ์ทาภายนอกเหล่านี้มีข้อเสียหลักๆ 2 อย่างด้วยกัน นั้นคือ
- บรรเทาอาการข้างเคียง แต่ไม่มีผลกับต้นเหตุของอาการที่แท้จริง
- ใช้เวลานานกว่าจะออกฤทธิ์ เพราะกว่าตัวยาจะซึมซาบเข้าสู่ร่างกายต้องใช้เวลา จริงๆ แล้ว ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ก็มีประโยชน์ในระดับหนึ่งทีเดียว
(หากคุณไม่แพ้ส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เหล่านั้น ทนรอให้ครีมซึมซับเข้าสู่ผิว และยอมรับได้ที่เสื้อผ้าของคุณจะต้องเลอะเทอะบ้าง) เพราะมันไม่เป็นอันตรายอะไร แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนักเช่นกัน
อะไรคือข้อบกพร่องของผลิตภัณฑ์แบบรับประทาน?
ก่อนที่ผลิตภัณฑ์ทั้งแบบเม็ดและแคปซูลจะออกฤทธิ์ จะต้องผ่านระบบทางเดินอาหารเสียก่อน หลังจากนั้นจึงจะเกิดการดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด แต่ถ้าหากว่าผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีส่วนประกอบที่เป็นสารเคมีล่ะ แน่นอนว่ามันย่อมส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารเป็นที่แรก ก่อนจะลุกลามไปสู่อวัยวะอื่นๆ
ซึ่งผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปคือ คลื่นไส้ ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ท้องผูก หรือท้องเสีย
นอกจากนี้ ตับ ยังเป็นอวัยวะที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจากส่วนประกอบทางเคมีที่อยู่ในผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เพราะตับคืออวัยวะที่ต้องรับหน้าในการดูดซึมตัวยา ก่อนจะกระจายไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดการสะสมของสาเคมีในตับ
และไตก็เป็นอีกอวัยวะหนึ่งที่ได้รับผลกระทบจากสารประกอบทางเคมีไม่แพ้กัน เนื่องจากไตต้องทำหน้าที่ในการกำจัดของเสียออกจากร่างกาย แต่ถ้าหากมีของเสียมากเกินไป ก็อาจเกิดการสะสมอยู่ในไต และเริ่มทำลายสุขภาพของไตได้เช่นกัน
แล้วเราควรทำอย่างไร?
ควรเลือกผลิตภัณฑ์แบบรับประทาน เพราะจะเห็นผลเร็วกว่า และมีสิทธิภาพมากกว่า
โดยผลิตภัณฑ์แบบแคปซูล จะดูดซึมได้เร็วกว่าแบบเม็ด ทำให้ออกฤทธิ์ได้เร็วกว่านั้นเอง
สิ่งสำคัญที่คุณควรใส่ใจคือ ส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์
เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่นผลิตภัณฑ์แคปซูล Imosteon
Imosteon เป็นผลิตภัณฑ์จากสารสกัดธรรมชาติ ส่วนประกอบได้รับการคัดสรรอย่างพิถีพิถัน เพื่อดึงเอาคุณประโยชน์จากธรรมชาติมาใช้อย่างครบถ้วน
- วิตามินซี เพิ่มความสามารถของร่างกายในการต่อต้านสาเหตุของอาการอักเสบในข้อต่อ
- คอลลาเจนชนิดที่ 2 จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นเมื่อได้รับคู่กับวิตามินซี มีสรรพคุณช่วยฟื้นฟูข้อต่อ เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายจะผลิตคอลลาเจนได้น้อยลง ข้อต่อจึงเสื่อมสภาพไปตามอายุ คอลลาเจนจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและการเคลื่อนไหวที่ดีขึ้นของข้อต่อ
- ขมิ้น บรรเทาอาการปวดและเป็นยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
- พริกไทยดำ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของขมิ้น บรรเทาอาการปวดและขัดตามข้อต่อ
- พริกคาเยน (พริกแดง) มีสารต้านโรคข้อเสื่อม ข้ออักเสบ และเกาต์ และช่วยบรรเทาปวด
ผลิตภัณฑ์อย่าง Imosteon ไม่เพียงปลอดภัย แต่ยังเป็นการแก้ปัญหาข้อต่อจากต้นเหตุได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญคือ การปฏิบัติตามข้อบ่งใช้อย่างถูกต้อง

ความคิดเห็น